เทคนิคต่าง ๆ ของ Data
Mining
1. Association rule Discovery
เป็นเทคนิคหนึ่งของ
Data
Mining ที่สำคัญ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงกับงานต่าง ๆ
หลักการทำงานของวิธีนี้ คือ
การค้นหาความสัมพันธ์ของข้อมูลจากข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์
หรือทำนายปรากฏการณ์ต่าง ๆ หรือมากจากการวิเคราะห์การซื้อสินค้าของลูกค้าเรียกว่า “
Market Basket Analysis ” ซึ่งประเมินจากข้อมูลในตารางที่รวบรวมไว้
ผลการวิเคราะห์ที่ได้จะเป็นคำตอบของปัญหาซึ่งการวิเคราะห์แบบนี้เป็นการใช้“กฎความสัมพันธ์” (
Association Rule ) เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูล
ตัวอย่างการนำเทคนิคนี้ไปประยุกต์ใช้กับงานจริง
ได้แก่ ระบบแนะนำหนังสือให้กับลูกค้าแบบอัตโนมัติ ของ Amazon
ข้อมูลการสั่งซื้อทั้งหมดของ Amazon
ซึ่งมีขนาดใหญ่มากจะถูกนำมาประมวลผลเพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูล คือ ลูกค้าที่ซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง ๆ
มักจะซื้อหนังสือเล่มใดพร้อมกันด้วยเสมอ ความสัมพันธ์ที่ได้จากกระบวนการนี้จะสามารถนำไปใช้คาดเดาได้ว่าควรแนะนำหนังสือเล่มใดเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่เพิ่งซื้อหนังสือจากร้าน
ตัวอย่างเช่น buys ( x ,
database) -> buys ( x , data mining ) [ 80% , 60% ] หมายความว่า
เมื่อซื้อหนังสือ database แล้วมีโอกาสที่จะซื้อหนังสือ data
mining ด้วย 60 % และมีการซื้อทั้งหนังสือ
database และหนังสือ data mining พร้อม ๆ กัน
80 %
อีกตัวอย่างคือ
ในการซื้อสินค้าของลูกค้า 1 ครั้ง โดยไม่ต้องจำกัดว่าจะซื้อสินค้าในห้างร้าน
หรือสั่งผ่านทางไปรษณีย์ หรือการซื้อสินค้าจากร้านค้าเสมือนจริง (
Virtual store ) บน web
โดยปกติเราจะต้องการทราบว่าสินค้าใดบ้างที่ลูกค้ามักซื้อด้วยกัน
เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงการจัดวางสินค้าในร้าน
หรือใช้เพื่อหาวิธีวางรูปคู่กันในใบโฆษณาสินค้า ก่อนอื่นขอกำหนดคำว่า กลุ่มรายการ (
itemset ) หมายถึง กลุ่มสินค้าที่ปรากฏร่วมกัน เช่น { รองเท้า , ถุงเท้า}, {ปากกา,
หมึก} หรือ { นม ,
น้ำผลไม้} โดยกลุ่มรายการดังกล่าวนี้
อาจจะจับคู่กลุ่มลูกค้ากับสินค้าก็ได้เช่น วิเคราะห์หา “ลูกค้าที่ซื้อสินค้าบางชนิดซ้ำ
ๆ กัน อย่างน้อย 5 ครั้งแล้ว ” กรณีนี้ฐานข้อมูลเรามีการเก็บรายการซื้อขายเป็นจำนวนมาก
และคำถามข้างต้น (query ) นี้จำเป็นต้องค้นหาทุก ๆ
คู่ของลูกค้ากับสินค้า เช่น { คุณ ก , สินค้า A} , { คุณ ก , สินค้าB} , {คุณ ก , สินค้า C } , { คุณ ข ,
สินค้า B} เป็นต้น นับเป็นงานที่หนักพอสมควรสำหรับ DBMS
และถ้าจะเขียน query ข้างต้นเป็น SQL จะได้ว่า
SELECT
P.custid , P.item , SUM( P.qty )
FROM
Purchases P
GROUP BY
P.custid , P.item
HAVING
SUM(P.qty ) > 5
หลังจากที่ DBMS
ประมวลผล SQL นี้
เนื่องจากมีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบมากมายหลายคู่และแต่ละคู่ต้องค้นหามาจากฐานข้อมูลเลย
แต่ผลลัพธ์ของ query แบบนี้ มักจะมีจำนวนน้อยมาก เลยเรียก query
ชนิดนี้ว่าเป็น “iceberg query” ซึ่งเปรียบกับสำนวนไทย
คือ “ งมเข็มในมหาสมุทร”
2.
Classification & Prediction
·
Classification
เป็นกระบวนการสร้าง
model
จัดการข้อมูลให้อยู่ในกลุ่มที่กำหนดมาให้ ตัวอย่างเช่น
จัดกลุ่มนักเรียนว่า ดีมาก ดี ปานกลาง ไม่ดี
โดยพิจารณาจากประวัติและผลการรียน หรือแบ่งประเภทของลูกค้าว่าเชื่อถือได้
หรือไม่โดยพิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่ กระบวนการ classification นี้แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังรูปที่ 3
- Model Construction (
Learning )
เป็นขั้นการสร้าง model โดยการเรียนรู้จากข้อมูลที่ได้กำหนดคลาสไว้เรียบร้อยแล้ว ( training data ) ซึ่ง
model ที่ได้อาจแสดงในรูปของ
1.
แบบต้นไม้ (
Decision Tree)
2.
แบบนิวรอลเน็ต ( Neural Net)
1)
โครงสร้างแบบต้นไม้ของ Decision
Tree
เป็นที่นิยมกันมากเนื่องจากเป็นลักษณะที่คนจำนวนมากคุ้นเคย
ทำให้เข้าใจได้ง่าย มีลักษณะเหมือนแผนภูมิองค์กร
โดยที่แต่ละโหนดแสดง attribute แต่ละกิ่งแสดงผลในการทดสอบ
และลีฟโหนดแสดงคลาสที่กำหนดไว้
สมมติว่าบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสำนักงานสาขาอยู่ประมาณ 50 แห่ง แต่ละสาขามีพนักงานประจำ
เป็นผู้จัดการและพนักงานขาย พนักงานเหล่านี้แต่ละคนจะ ดูแลอาคารต่าง ๆ
หลายแห่งรวมทั้งลูกค้าจำนวนมาก บริษัทจำเป็นต้องใช้ระบบฐานข้อมูลที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้
เมื่อรวบรวมข้อมูลแบ่งเป็นตารางพื้นฐานต่าง ๆ เช่น ข้อมูลสำนักงานสาขา (
Branch ) ข้อมูลพนักงาน ( Staff )
ข้อมูลทรัพย์สิน ( Propety) และข้อมูลลูกค้า ( Client )
พร้อมทั้งกำหนดความสัมพันธ์ ( Relationship)
ของข้อมูลเหล่านี้ เช่น ประวัติการเช่าบ้านของลูกค้า ( Customer_rental ) รายการให้เช่า ( Rentals ) รายการขายสินทรัพย์ (
Sales ) เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีประชุมกรรมการผู้บริหารของบริษัท
ส่วนหนึ่งของรายงานจากฐานข้อมูลสรุปว่า
“ 40 % ของลูกค้าที่เช่าบ้านนานกว่าสองปี และมีอายุเกิน 25 ปี
จะซื้อบ้านเป็นของตนเอง โดยกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น 35 %
ของลูกค้าผู้เช่าบ้านของบริษัท”
ดังรูปที่ 4 แสดงให้เห็นถึง Decision
Tree สำหรับการวิเคราะห์ว่าลูกค้าบ้านเช่าจะมีความสนใจที่จะซื้อบ้านเป็นของตนเองหรือไม่
โดยใช้ปัจจัยในการวิเคราะห์คือ ระยะเวลาที่ลูกค้าได้เช่าบ้านมา และอายุของลูกค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น